ติดต่อเรา

Email:icothai@gmail.com

Tel081-951-1100

Line : 0819511100

Office Hours

  • Monday - Friday 
  • 8.30 A.M. to 5.00 P.M.
  • Saturday - Sunday Closed


 ติดต่อสอบถาม

ชื่อ :
นามสกุล :
บัตรประชาชนเลขที่ :
ที่อยู่ :
อำเภอ :
จังหวัด :
รหัสไปรษณีย์ :
มือถือ :
อีเมล์ :
Line ID :
Facebook ID / Name :
เรื่องที่สอบถาม :
 
 
 

 
 
 
บทความ 10 หลักเกณฑ์ที่ศาลใช้ในการกำหนดเงินค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้

บทความ

10 หลักเกณฑ์ที่ศาลใช้ในการกำหนดเงินค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้ 

1.ฐานะทางสังคมและอาชีพการงาน การศึกษาของทุกฝ่าย ทั้งสามี ภริยา และตัวชู้

ในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาเกี่ยวกับการกำหนดค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้ เรื่องฐานะทางสังคมของคู่ความทุกฝ่าย จะเป็นหนึ่งเรื่องที่ศาลหยิบยกมาประกอบการกำหนดค่าทดแทนแทบทุกคดี โดยการวินิจฉัยของศาลนั้น จะวินิจฉัยถึงฐานะทางสังคมของคู่ความทุกฝ่าย ทั้งตัวสามี ภรรยา และตัวชู้ 

โดยมีประเด็นที่ศาลมักจะหยิบยกมาวินิจฉัย ในการกำหนดค่าทดแทน เช่น

การศึกษาเป็นอย่างไร

ยิ่งฝ่ายที่มีชู้ หรือคู่สมรสมีการศึกษาสูงมาก หรือจบในวิชาชีพสาขากฎหมายที่จำเป็นต้องทำงานที่ต้องเป็นที่เชื่อถือของสังคมเช่นนิติศาสตร์ แพทย์ ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่จะต้องรู้จักผิดชอบชั่วดีมากกว่าบุคคลอื่นหากกระทำการนอกใจคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะนำวิธีใช้กำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น  

ทำอาชีพอะไร 

เป็นประเด็นที่สำคัญเพราะถ้าหากเป็นอาชีพที่จะต้องได้รับความเชื่อถือ หรือเป็นที่ยอมรับของสังคมเช่น เป็นครู เป็นหมอ แล้วปรากฏว่ามีพฤติการณ์นอกใจคู่สมรสย่อมถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะวินิจฉัยกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น 

เป็นที่รู้จักทางสังคมแค่ไหน

บางอาชีพนั้นเป็นที่รู้จักของสังคมอย่างกว้างขวาง เช่นนักการเมือง ดารานักแสดง นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร อาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์เป็นชู้ขึ้นแล้วย่อมเป็นที่รู้ของวงสังคมระดับกว้างขวาง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายมาก และศาลก็จะกำหนดค่าเสียหายให้สูงขึ้นเช่นกัน

มีรายได้เป็นอย่างไร

รายได้ของคู่ความที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น ยอมเป็นส่วนหนึ่งที่ศาลจะนำมาประกอบว่า ควรจะกำหนดค่าทดแทนเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ ถ้าคู่กรณีทุกฝ่ายมีรายได้ไม่เยอะมาก เช่น ทั้งชู้และคู่สมรส เป็นพนักงานบริษัท มีเงินเดือนเพียงเดือนละ 15,000 บาท ศาลก็อาจจะกำหนดค่าทดแทนเป็นจำนวนไม่สูงมาก  แต่ถ้าคู่กรณีมีรายได้สูง เช่น ทั้งตัวสามีภริยา และตัวชู้เป็นนักธุรกิจมีรายได้เดือนหนึ่งหลักล้าน  ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ศาลนำมากำหนดเป็นประเด็นให้ค่าทดแทนสูงขึ้น 

พยานหลักฐานที่ใช้นำสืบ

1.หนังสือรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน

2.วุฒิการศึกษา

3.หลักฐานแสดงการประกอบธุรกิจ เช่นหนังรับรองบริษัท

4.หลักฐานอื่นๆที่แสดงถึงรายได้ เช่น หลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินและธุรกิจ

5. หลักฐานที่แสดงถึงฐานะทางสังคม  เช่นการเป็นผู้นำชุมชน (หนังสือรับรองตำแหน่ง) นักการเมือง ดารานักแสดง

 

2.แต่งงานกันมานานแค่ไหน ?

กรณีที่คู่สมรสแต่งงานกันมาเป็นเวลานานเช่น แต่งงานกันมาเป็นเวลา 20 ปี มีครอบครัวมั่นคง กรณีนี้ ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า หากมีพฤติการณ์เป็นชู้เกิดชึ้นและทำให้ครอบครัวแตกแยก ค่าทดแทนที่จะได้รับย่อมจะสูงกว่ากรณีที่คู่สมรสเพิ่งแต่งงานกันมาเป็นเวลาไม่นาน เช่น บางกรณีคู่สมรสอาจจะพึ่งจดทะเบียนสมรสกันเพียงไม่กี่เดือนแล้วอีกฝ่ายไปมีชู้

นอกจากนี้ คู่สมรสบางคู่ที่แม้เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสไม่นาน แต่ได้อยู่กินร่วมกันมานานแล้ว ก็ควรนำสืบถึงกรณีที่เคยอยู่กินร่วมกันมาก่อนจดทะเบียนสมรสมาเป็นเวลานานด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาของศาลว่า ถึงแม้จะจดทะเบียนสมรสมาไม่นานมาก แต่ได้อยู่กินกันมาเป็นเวลาน และมีความรักความผูกพันกับคู่สมรสมาเป็นเวลานาน เพื่อขอให้ศาลกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น 

พยานหลักฐานที่ใช้การนำสืบ

ใบสำคัญการสมรส และ หลักฐานการอยู่กินร่วมกันก่อนจะจดทะเบียนสมรส เช่นรูปถ่าย

 

3.มีการจัดงานแต่งงานกันหรือไม่ ?

คู่สมรสบางคู่นั้นจัดงานสมรสใหญ่โต มีผู้หลักผู้ใหญ่ มีนักการเมืองที่มีชื่อเสียง มีข้าราชการใหญ่ๆมาร่วมเป็นประธานและสักขีพยานในงานพิธี มีแขกเหรื่อ ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จัดงานสมรสที่โรงแรมใหญ่โต เสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานสมรสเป็นจำนวนมาก ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า ซึ่งกรณีนี้เป็นส่วนหนึ่ง ที่ศาลจะนำมาวินิจฉัยในการกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น เพราะการเป็นชู้จนทำให้ครอบครัวแตกแยกในกรณีนี้ ย่อมทำให้คู่สมรสได้รับความเสียหายอับอายต่อบุคคลอื่นเป็นอย่างมาก เพราะมีสักขีพยาน ร่วมรู้เห็นกับการสมรสเป็นจำนวนมาก  

ในทางกลับกันคู่สมรสบางคู่ไม่ได้จัดงานสมรสกันเลย เพียงแต่อยู่กินด้วยกันเฉยๆแล้วจดทะเบียนสมรส กรณีนี้ถ้าเราเป็นฝ่ายจำเลยก็สามารถหยิบยกมาเป็นประเด็นเพื่อต่อสู้ได้ว่าค่าเสียหายในคดีควรจะไม่สูงมาก 

พยานหลักฐานที่ใช้นำสืบ

รูปถ่ายหรือวีดีโอในงานวันสมรส ที่ปรากฎว่ามีคนร่วมงานมากแค่ไหน มีใครเข้าร่วมพิธีการบ้าง

การ์ดเชิญงานแต่งงาน

หลักฐานค่าใช้จ่ายในการจัดงานสมรส

 

4. มีบุตรด้วยกันหรือไม่ ?

ในกรณีที่คู่สมรสมีบุตรด้วยกัน การเป็นชู้ย่อมทำให้ครอบครัวเกิดความแตกแยก ทำให้บุตรได้รับความเดือดร้อนเสียใจ รวมทั้งได้รับความอับอาย ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่บุตรยังเล็กอยู่ การที่ครอบครัวแตกแยกย่อมทำให้บุตรได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ทั้งทางจิตใจ และอาจจะทำให้ขาดการอุปการะเลี้ยงดูและเอาใจใส่จากคู่สมรสฝ่านที่มีชู้ จนอาจทำให้เป็นเด็กที่มีปมด้อย  ดังนั้นในกรณีที่คู่สมรสมีบุตรด้วยกัน และบุตรยังเล็กอยู่ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ศาลจะนำมาหยิบยกกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น มากกว่ากรณีที่คู่สมรสไม่มีบุตรด้วยกัน 

พยานหลักฐานที่ใช้ในการนำสืบกรณีนี้ 

สูติบัตรของลูก และหลักฐานการศึกษาของบุตร เช่นใบเสร็จค่าเทอม และหลักฐานเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆของบุตร

 

5.ความสัมพันธ์ในครอบครัวก่อนเกิดเหตุการณ์มีชู้ เป็นอย่างไร ?

คู่สมรสบางคู่นั้น เขารักกันมากอยู่กินมาด้วยกันเป็นเวลานาน ไม่เคยมีการนอกใจกันเกิดขึ้น ครอบครัวมีความอบอุ่น และมีความสุขกันเป็นอย่างดี แต่ปรากฏว่าเมื่อมีมือที่สามเข้ามา ทำให้ครอบครัวเขาต้องแตกแยก คู่สมรสได้รับความเดือดร้อนเสียหายเสียใจเป็นอย่างมาก กรณีเช่นนี้ศาลมักจะกำหนดค่าทดแทนให้สูง และในกรณีที่เราเป็นทนายความฝ่ายโจทก์ก็ควรจะต้องนำสืบให้ศาลเห็นถึงประเด็นนี้ด้วย 

แต่คู่สมรสบางคู่นั้น ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า ปรากฏว่าก็แยกกันอยู่มาเป็นเวลานาน เพราะทะเลาะกันหรือมีความเห็นไม่ตรงกันจนไม่สามารถอยู่กินร่วมกันได้ แล้วเพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกัน คู่สมรสบางคู่ ถึงไม่ได้แยกกันอยู่แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานทะเลาะกันระหองระแหงตลอดมา หรืออีกฝ่ายนึงก็มีชู้เป็นประจำ หรือมีการเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นเมียน้อยอีกหลายคนเป็นปกติอยู่แล้ว

กรณีหลังนี้นั้นศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำ เพราะการเป็นชู้หรือมีชู้นั้นไม่ได้เป็นเหตุให้ครอบครัวแตกแยก แต่ครอบครัวนั้นได้มีปัญหาแตกแยกกันมาก่อนที่จะมีชู้เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งหากเราเป็นทนายความจำเลยก็จะต้องนำสืบประเด็นนี้ให้ศาลเห็นเพื่อกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำลง 

พยานหลักฐานที่ใช้นำสืบ

รูปถ่ายคู่กันระหว่างสามีภริยา รูปถ่ายครอบครัว หลักฐานการสนทนา ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า การไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสเป็นไปด้วยดีตลอดมา

พยานหลักฐานที่แสดงว่าหลังเกิดเหตุการณ์มีชู้แล้ว ครอบครัวแตกแยก เช่น หลักฐานการทะเลาะด่าทอ หลักฐานการทำร้าย การแจ้งความ หลักฐานทางสื่อออนไลน์ต่างๆ

 

 

 

6.พฤติการณ์ในการเป็นชู้ เปิดเผยแค่ไหน ?

พฤติกรรมในการเป็นชู้นั้น บางกรณีมีลักษณะแบบปกปิด ไม่ได้เปิดเผยตัวเองต่อที่สาธารณะ มีลักษณะเป็นการแอบพบเจอกันตามโรงแรม หรือบ้านพักส่วนตัว ไม่มีการนำตัวชู้ไปเปิดเผยให้กับบุคคลอื่นรับทราบในวงกว้าง ไม่มีการนำรูปคู่หรือความสัมพันธ์ไปเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งกรณีนี้ศาลก็จะกำหนดค่าเสียหายให้ต่ำ เพราะพฤติการณ์ไม่ร้ายแรงนัก ซึ่งหากเราเป็นฝ่ายจำเลยก็ต้องนำสืบประเด็นนี้ให้ศาลเห็น

แต่ในการเป็นชู้บางรายนั้น มีลักษณะเปิดเผยเต็มที่อย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดๆ ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า เช่น ลงรูปคู่แสดงความรักกันในสื่อออนไลน์ เช่น facebook  LINE หรือ instagram พาไปเที่ยวสถานบันเทิงต่างๆอย่างเปิดเผย แสดงตนโดยเปิดเผยกับเพื่อนๆที่ทำงานทุกคน  นำไปให้บิดามารดารู้จัก หรืออยู่กินกันแบบเปิดเผยที่บ้าน หรือบางกรณี ชู้บางคนยังมาระรานหรือด่าเมียหลวงด้วย หรือบางกรณีถึงขั้นจัดงานสมรสกันเลยดังที่เคยเป็นข่าว 

กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่มีความสำนึกในศีลธรรมอันดี และศาลจะกำหนดค่าเสียหายให้สูงกว่าปกติ และหากเราเป็นทนายความฝ่ายโจทก์ก็ควรนำสืบประเด็นนี้ด้วย 

พยานหลักฐานที่ใช้นำสืบ

หลักฐานการเป็นชู้ เช่นรูปถ่ายระหว่างชู้กับคู่สมรส หลักฐานการแสดงตัว เช่นไปร่วมงานต่างๆ ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า หลักฐานที่โชว์ในเฟซบุ๊ก หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่มีการเยาะเย้ย ถากถาง หรือแสดงตัวเปิดเผย

หลักฐานจากกล้องวงจรปิด ตามสถานที่ต่างๆ

สูติบัตรของบุตรของชู้กับคู่สมรส

พยานบุคคลที่รู้เห็นเรื่องการเป็นชู้ หรือเห็นว่าชู้กับคู่สมรสเคยมีความสัมพันธ์กัน

หลักฐานการโอนเงินระหว่างชู้กับคู่สมรส ใบเสร็จค่าสินค้าต่างๆที่ซื้อให้กัน

 

7.เป็นชู้กันมานานแค่ไหน ?

ในกรณีที่เป็นชู้กันเพียงระยะเวลาไม่นาน เช่น อาจจะเป็นแค่เดือนเดียว อาทิตย์หรือ 2 อาทิตย์ กรณีเช่นนี้ย่อมถือว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่สมรสยังไม่มากเท่าใดนัก ซึ่งศาลก็มักจะกำหนดค่าเสียหายให้ต่ำ ซึ่งหากเราเป็นทนายความจำเลยก็ต้องนำสืบในประเด็นนี้ด้วย 

แต่ในกรณีที่พฤติกรรมเป็นชู้มาเป็นเวลานานเป็นปีจนกระทั่งถูกจับได้ ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า เช่นนี้ในระหว่างที่เป็นชู้กันนั้นฝ่ายชู้ อาจได้รับผลประโยชน์ต่างๆ จากคู่สมรสเป็นจำนวนมาก ซึ่งย่อมเป็นประเด็นที่ศาลจะกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้นหากเราเป็นทนายความฝ่ายโจทก์ก็ต้องนำสืบในประเด็นนี้ด้วย 

พยานหลักฐานที่ใช้นำสืบ

หลักฐานการเป็นชู้ เช่นรูปถ่ายในเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่มีการปรากฎวันที่ที่แสดงตัว

หลักการสนทนาผ่านโปรแกรมไลน์ เฟซบุ๊ก หรือสื่อออนไลน์ต่างๆระหว่างชู้กับคู่สมรส

หลักฐานการโอนเงินให้กันระหว่างชู้กับคู่สมรส

พยานบุคคลที่รู้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายคบหากันมานานแค่ไหน เช่นเพื่อนร่วมงาน คนแถวบ้าน

 

8. ฝ่ายชู้ รู้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายมีคู่สมรสอยู่แล้ว ?

สำหรับบุคคลที่เข้ามาเป็นมือที่สาม หรือเป็นชู้กับคู่สมรสนั้น บางครั้งเขาเองก็ไม่รู้ว่าคู่สมรสฝ่ายนั้นมีสามีหรือภรรยาอยู่แล้ว เพราะบางครั้งคู่สมรสบางคู่ก็ไม่ได้อยู่กินด้วยกันตลอดด้วยเหตุผลทางภาระหน้าที่การงาน หรือเหตุผลส่วนตัว และบางครั้งคู่สมรสที่ไปมีชู้นั้น ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า ก็ไปหลอกลวงหรือแสดงตนกับบุคคลอื่นว่า ตนเองเป็นคนโสด ซึ่งตามกฎหมายแล้วไม่ว่า ชู้จะรู้หรือไม่รู้ว่า บุคคลที่ตนเองเข้าไปมีความสัมพันธ์นั้นมีคู่สมรสอยู่แล้วหรือไม่ ก็ต้องรับผิดทางแพ่งตามกฎหมายไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่รู้เพื่อไม่ต้องรับผิดได้ ทั้งนี้ ในประเด็นข้อกฎหมายนี้ผู้สนใจโปรดอ่านบทความ เรื่อง เป็นชู้โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีคู่สมรสอยู่แล้ว จะต้องรับผิดชดใช้ค่าทดแทนหรือไม่ ?

แต่อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ชู้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีคู่สมรสอยู่แล้ว ย่อมถือได้ว่าไม่ได้มีเจตนาชั่วร้ายหรือฝ่าฝืนต่อศีลธรรม ศาลย่อมจะกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำ ซึ่งบางทีอาจจะเสียเพียงแค่เงินหลักหมื่นเท่านั้น ดั้งนั้นหากเราเป็นฝ่ายจำเลยก็ต้องนำสืบประเด็นนี้ให้ชัดเจน

แต่ในกรณีที่ฝ่ายชู้ รู้ดีอยู่แล้วว่า อีกฝ่ายนึงมีคู่สมรสอยู่แล้ว แต่ยังเต็มใจเข้าไปมีความสัมพันธ์ด้วย ย่อมถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่มีความสำนึกในศีลธรรมอันดี ซึ่งศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนให้สูง และเป็นส่วนหนึ่งที่ฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบให้ชัดเจน 

พยานหลักฐานที่ใช้นำสืบ

หลักฐานการสนทนาผ่านสื่อออนไลน์ ระหว่างชู้กับคู่สมรส หรือชู้กับเพื่อนๆ ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า ที่แสดงให้เห็นว่าชู้รู้อยู่แล้ว ว่าอีกฝ่ายมีคู่สมรสอยู่แล้ว (ธรรมดาแล้วมักจะปรากฎเสมอ ว่าเจ้าตัวจะคุยหรือจะบอกกับเพื่อนหรือคนที่สนิท ถึงประเด็นดังกล่าว)

พยานบุคคลที่ยืนยันได้ว่า ตัวชู้รู้หรือไม่รู้ว่า คู่สมรสมีสามีภริยาอยู่แล้ว เช่นเพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว

 

 

 

 

9.หลังจากถูกจับได้แล้ว มีพฤติการณ์สำนึกผิดหรือไม่ ?

หลังจากที่ถูกจับได้ว่าเป็นชู้หรือมีชู้กันแล้ว หากคู่สมรสฝ่ายที่มีชู้และฝ่ายตัวชู้สำนึกผิด หยุดความสัมพันธ์ดังกล่าวไว้ทันที พร้อมทั้งแสดงความจริงใจขอขมากับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ย่อมถือว่าชู้และคู่สมรสฝ่ายนั้นมีความสำนึกในการกระทำของตนเอง ศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำลง 

แต่หากหลังจากถูกจับได้ว่าเป็นชู้หรือมีชู้กันแล้ว ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่ยอมหยุดความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ซ้ำร้ายยังไประรานคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง หรือพยายามขอเลิกกับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง หรือชู้บีบให้คู่สมรสเลิกรากันเพื่อมาอยู่กินกับตนเอง พฤติกรรมเช่นนี้เรียกว่าไม่มีความสำนึกใดๆ และศาลย่อมกำหนดค่าทดแทนให้สูง 

พยานหลักฐานที่ใช้นำสืบ

หลักฐานการเป็นชู้ เช่นรูปถ่ายในเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ ภายหลังการเกิดเหตุ

พยานบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์

 

10.มีการฟ้องหย่าประกอบด้วยหรือไม่ ? อีกฝ่ายได้ทรัพย์สินจากการฟ้องหย่าไปด้วยหรือไม่ ?

ซึ่งประเด็นนี้เป็นไปตามข้อกฎหมายคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1525 วรรคสอง ที่วางหลักว่า หากคู่สมรสมีการฟ้องหย่าประกอบการฟ้องชู้ด้วยนั้น ต้องดูว่ามีการแบ่งทรัพย์สินกันเป็นอย่างไร เช่นสามีมีชู้ ภรรยาจึงฟ้องหย่าพร้อมกับฟ้องชู้ และภรรยาได้รับส่วนแบ่งสินสมรสประมาณ 20 ล้าน ในคดีฟ้องหย่า เช่นนี้ในกรณีฟ้องชู้เรียกค่าทดแทน ศาลอาจจะกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำลง เพราะเห็นว่าฝ่ายภรรยาได้ทรัพย์สินสมรสไปส่วนหนึ่งแล้ว 

 

หลักเกณฑ์ ทั้งหมด 10 ข้อนี้ เป็นหลักเกณฑ์ที่ศาลนำมาประกอบการวินิจฉัยในการกำหนดค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้ แทบทุกคดี ซึ่งเมื่อเราทราบหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ย่อมเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดีฟ้องชู้เป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้ว่าเราจะเป็นฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลย 

ถ้าเราเป็นฝ่ายโจทก์ก็ต้องนำสืบประเด็นต่างๆให้ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า ศาลกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้น ไม่ใช่นำสืบเพียงแต่ว่ามีการเป็นชู้เกิดขึ้นเท่านั้น ถ้าเป็นฝ่ายจำเลยหากสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่าท่านจะต้องรับผิดจริง ไม่มีทางสู้คดีได้ ท่านก็ต้องถามค้านและนำสืบพยานหลักฐานต่างๆเพื่อให้ศาลให้เห็นว่าพฤติการณ์ของเราไม่ร้ายแรง เพื่อให้ศาลกำหนดค่าทดแทนให้ต่ำลง 

 

ฟ้องชู้ ธรรมดาศาลจะกำหนดค่าเสียหายให้ประมาณเท่าไหร่ ?

สำหรับยอดเงินค่าทดแทนในคดีฟ้องชู้ จำนวนเงินสูงสุด สูงสุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ผมเห็น คือ 1 ล้านบาท  

สำหรับตัวผมเองตั้งแต่ยื่นฟ้องคดีฟ้องชู้ มา ตัวเลขสูงสุดที่ผมเคยทำได้ อยู่ที่จำนวนประมาณ 800,000 บาท ยังไม่รวมค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความใช้แทนพร้อมทั้งดอกเบี้ยที่ศาลกำหนดให้ ซึ่งรวมแล้วก็ได้เงินกลับมาเป็นเงินประมาณล้านกว่าบาท 

อย่างไรก็ตามหากมีพฤติการณ์ที่ร้ายแรงมากๆ ในอนาคตก็อาจมีการกำหนดค่าเสียหายที่มากกว่านี้ก็เป็นไปได้ครับ

ส่วนตัวเลขต่ำสุด รายการฟ้องร้องดำเนินคดีของผม คือหนึ่งแสน และน่าจะเป็นตัวเลขที่พบบ่อย ในกรณีที่พฤติการณ์แห่งคดีไม่ร้ายแรง หรือคู่สมรสไม่ได้มีหน้าตาหรือฐานะทางสังคมมาก ส่วนตัวเลขที่มักจะได้มากที่สุดในคดีทั่วๆไป อยู่ที่ประมาณ สามแสนบาทครับ 

 

ฟ้องชู้ ควรฟ้องที่จำนวนเงินเท่าไหร่

สำหรับตัวเลขที่นิยมฟ้องร้องดำเนินคดีกัน ทนายความเชียงใหม่ ขอเรียนว่า ในกรณีที่คู่สมรสไม่ได้มีฐานะทางสังคมสูงมากหรือพฤติการณ์การเป็นชู้ไม่ได้ร้ายแรงมากอาจจะฟ้องกันที่ประมาณ 3 แสนบาท เพราะหากยื่นฟ้องที่ตัวเลขดังกล่าวแล้ว ฝ่ายโจทก์จะเสียค่าธรรมเนียมศาลเพียงแค่ 1,000 บาทเท่านั้น

แต่ในกรณีที่คู่สมรสทั้งสองฝ่ายมีหน้าตาทางสังคมหรือมีฐานะทางสังคมสูง หรือพฤติกรรมการเป็นชู้ที่มีความร้ายแรงตัวเลขที่จะยื่นฟ้องก็อาจจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาทหรือสูงกว่านั้น ซึ่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในอัตราร้อยละ 2 ของยอดเงินที่ฟ้องคดี 

 

ตัวอย่างการฟ้องคดีที่ได้คำพิพากษาสูงสุดในปัจจุบัน

โดยผมได้นำตัวอย่างผลงานคดีที่ผม และทีมงาน เป็นคนฟ้องร้องดำเนินคดีและศาลตัดสินให้จำเลยชดใช้เงินกว่า 1,000,000 บาท

 

ค่าทนายความในการฟ้องชู้ อยู่ประมาณเท่าไหร่ ?

แต่ละสำนักงานฯและทนายความ แต่ละที่ย่อมมีหลักเกณฑ์ในการคิดไม่เหมือนกัน แต่สำหรับ สำนักงาน พิศิษฐ์ ศรีสังข์ ทนายความ ค่าวิชาชีพทนายความในการฟ้องคดีชู้ อยู่ที่ประมาณ 30,000 – 50,000 บาท โดยหลักการคิดขึ้นอยู่กับ

·       ความยากง่ายในรูปคดี

·       พยานหลักฐานชัดเจนหรือไม่ หรือต้องสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

·       ระยะทางของศาล

·       จำนวนเงินที่ฟ้องร้องดำเนินคดี

โดยเป็นอัตราค่าวิชาชีพทนายความแบบเหมารวม ตั้งแต่เริ่มฟ้องจนกระทั่งยึดทรัพย์บังคับคดี แต่ไม่รวมถึงค่าธรรมเนียมศาลและค่าธรรมเนียมรัฐต่างๆ เช่นค่าธรรมเนียมบังคับคดี

 

ฟ้องชู้ แต่ชู้ไม่มีเงิน จะต้องทำยังไง

 ธรรมดาแล้วคำพิพากษาของศาล มีผลและอำนาจบังคับสูงมาก สามารถยึดทรัพย์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลย ได้หลายอย่าง เช่น ยึดที่ดิน ยึดบ้าน ยึดรถ(ที่ผ่อนหมดแล้ว) ยึดหุ้น ยึดเงินในธนาคาร อายัดเงินเดือน อายัดเงินรายได้จากการรับจ้าง เอากำลังยึดทรัพย์ที่บ้าน

อย่างไรก็ตาม ถึงจำเลยไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย และไม่ได้ทำงานอะไรทั้งสิ้น คำพิพากษาก็ยังมีผลถึง 10 ปี นับแต่วันที่ศาลตัดสิน ถ้าภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยเกิดมีทรัพย์สิน หรือเริ่มทำงาน มีเงินเดือนขึ้นมา เราก็ยังยึดทรัพย์ในภายหลังได้

โดยอย่างน้อยที่สุด จำเลยก็จะใช้ชีวิตอย่างคนปกติไม่ได้กว่า 10 ปี ต้องอยู่อย่างคอยหลบซ่อนทรัพย์สิน ทำงานทำการอะไรไม่ได้ครับ

 

#ทนายเชียงใหม่อาสาช่วยท่านด้วยใจ #ทนายเชียงใหม่ #ทนายความเชียงใหม่ #ทนายเชียงใหม่เก่ง #ปรึกษาทนายเชียงใหม่ #ทนายอาสาเชียงใหม่ #ปรึกษาทนายเชียงใหม่ฟรี #ทนายความเชียงใหม่มืออาชีพ #ที่ปรึกษากฎหมายเชียงใหม่ #ปรึกษาทนายเชียงใหม่ #รายชื่อทนายความเชียงใหม่ #สำนักทนายความเชียงใหม่ #ทนายเก่งๆเชียงใหม่ #สภาทนายความเชียงใหม่ #สำนักงานกฎหมายเชียงใหม่ #ทนายที่ดินเชียงใหม่ #ทนายอาสาศาลเชียงใหม่ #ทนายอาสาศาลากลางเชียงใหม่ #กฎหมายเชียงใหม่ #สำนักงานทนายความเชียงใหม่ #สำนักงานกฎหมายเชียงใหม่ #สำนักงานกฎหมายในจังหวัดเชียงใหม่ #ทนายฝึกงานเชียงใหม่ #ฝึกงานทนายเชียงใหม่ #LawFirmเชียงใหม่ #ปรึกษาทนายเชียงใหม่  #ทนายเก่งเชียงใหม่ #ทนายเชียงใหม่pantip #ทนายอาสาเชียงใหม่ #ปรึกษาทนายฟรีเชียงใหม่ #ทนายเชียงใหม่เก่ง #ทนายความเชียงใหม่เก่ง #ทนายอาสาเชียงใหม่ฟรี #สํานักงานกฎหมาย เชียงใหม่  #ทนายครอบครัวเชียงใหม่ #ทนายสองพี่น้อง #ทนายฝาง #ทนายอาสาเก่งๆ #ทนายสันป่าตอง #ทนายสันทราย #ทนายแม่ริม #ทนายสันกำแพง #ทนายสารภี #ทนายความเชียงใหม่คดีหย่า

 

 
Sidebar    Mozrank check tool
https://www.ultimatewebtraffic.com
ultimatewebtraffic com
1minutereview org/

ปรึกษาฟรี!! มุ่งมั่นช่วยเหลือแก่ทุกท่าน แบบมิตรภาพ โดยทีมทนายความวิถีพุทธ

ดร.เกียรติศักดิ์ เนติบัณฑิตย์ไทย ทนายวิถีพุทธ และทีมทนายความเชียงใหม่ ติดต่อโทร 081-951-1100

 
เว็บสำเร็จรูป
×